วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 19, 2024

ติดต่อลงโฆษณา โทร : 065 334 8667 (คุณจิรภัทร แสงจันทร์)

หน้าแรกขอย้ายเกณฑ์ย้ายใหม่65 ตามว 18/2565 หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ

เกณฑ์ย้ายใหม่65 ตามว 18/2565 หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ

วันนี้ปันสื่อนำ เกณฑ์ย้ายใหม่ 65 ตามว 18/2565 หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ

เกณฑ์ย้ายใหม่65
เกณฑ์ย้ายใหม่ 65

เกณฑ์ย้ายใหม่65 ตามว 18/2565 จาก ก.ค.ศ.

หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ

การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ

ตามหลักเกณฑ์และวิธีการนี้ เป็นการดำเนินการเพื่อให้สถานศึกษามีอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ที่เหมาะสม สามารถจัดการเรียนรู้ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในอันที่จะนำมาซึ่งคุณภาพผู้เรียน รวมทั้งประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 19 (4) และมาตรา 59 วรรคหนึ่งและวรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ก.ค.ศ. จึงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู

สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้

นิยาม เกณฑ์ย้ายใหม่ 65

ในหลักเกณฑ์และวิธีการนี้

“การย้าย” หมายความว่า การแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูให้ดำรงตำแหน่งเดิมในสถานศึกษาอื่น ในส่วนราชการเดิม ซึ่งอาจเป็นการย้ายไปดำรงตำแหน่งว่างหรือการย้ายสับเปลี่ยนกับตำแหน่งที่มีคนครอง หรือการย้ายโดยการตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือน

“การย้ายไปดำรงตำแหน่งว่าง” หมายความว่า การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครู ไปแต่งตั้งให้ดำรงดำแหน่งเดิมที่เป็นตำแหน่งว่างและมีอัตราเงินเดือนในสถานศึกษาอื่นในส่วนราชการเดิม

“การย้ายสับเปลี่ยน” หมายความว่า การย้ายสับเปลี่ยนระหว่างผู้ดำรงตำแหน่งครูด้วยกันที่ดำรงตำแหน่งในต่างสถานศึกษา ในส่วนราชการเดิม

“การย้ายโดยการตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือน” หมายความว่า การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีคนครอง โดยการตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือนตามตัวบุคคล จากสถานศึกษาเดิมไปกำหนดในสถานศึกษาอื่น ในส่วนราชการเดิม

“สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา” หมายความว่า สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหรือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา

“สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ” หมายความว่า สำนักบริหารงามการศึกษาพิเศษในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาชั้นพื้นฐาน

“ส่วนราชการอื่น” หมายความว่า สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการหรือสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา

“สถานศึกษา” หมายความว่า สถานศึกษาสังกัดส่วนราชการในสังกัดส่วนราชการในกระทรวงศึกษาธิการยกเว้น โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย

อัตรากำลัง ในเกณฑ์ย้ายใหม่ 65

การย้ายทุกกรณี สถานศึกษาที่ รับย้ายต้องมีอัตรากำลังสายงานการสอนในภาพรวมไม่เกินเกณฑ์อัตรากำลังที่ ก.ค.ศ. กำหนด และเป็นตำแหน่งทีไม่มีเงื่อนไขในการใช้ตำแหน่ง

สำหรับสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นอกจากจะมีอัตรากำลังตามวรรคหนึ่งแล้ว สถานศึกษาที่รับย้ายต้องมีจำนวนตำแหน่งในสายงานการสอนในวิชาเอกไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานวิชาเอกตามที่ ก.ค.ศ. กำหนดด้วย

ค. การย้ายข้าราซการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู

การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู มี 3 กรณี ดังนี้

1. การย้ายกรณีปกติ คือ การย้ายตามคำร้องขอย้าย เพื่อดูแลบิดา มารดา หรือเพื่อกลับภูมิลำเนาหรือเพื่ออยู่รวมกับคู่สมรส หรือการย้ายสับเปลี่ยน หรือการย้ายด้วยเหตุผลอื่น

2. การย้ายกรณีพิเศษ คือ การย้ายตามคำร้องขอย้าย เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือถูกคุกคามต่อชีวิต หรือเพื่อดูแลบิดา มารดา คู่สมรส บุตร ซึ่งเจ็บป่วยร้ายแรงหรือทพพลภาพ หรือเพื่อติดตามคู่สมรส

3. การย้ายกรณีเพื่อประโยชน์ของทางราชการ คือ การย้ายเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาหรือการย้ายเพื่อแก้ปัญหาการบริหารจัดการในสถานศึกษา หรือการย้ายเพื่อเกลี่ยอัตรากำลังของสถานศึกษา

กรณีที่ 1 การย้ายกรณีปกติ

กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการย้าย ไว้ดังนี้

1. คุณสมบัติของผู้ขอย้าย

1.1 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งครู หรือเป็นผู้ที่ผ่านการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มในตำแหน่งครูผู้ช่วยและได้รับคำสั่งบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครูแล้ว

ทั้งนี้ ผู้ขอย้ายต้องไม่ติดเงื่อนไขการบรรจุและแต่งตั้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันหรือคัดเลือก หรือเงื่อนไขการแต่งตั้งให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนดหรือเงื่อนไขอื่นใดที่ ก.ค.ศ. หรือหน่วยงานอื่นกำหนด

1.2ได้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบในการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษาปัจจุบันติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 24 เดือน นับถึงวันสุดท้ายที่กำหนดให้ยื่นคำร้องขอย้าย

กรณีที่ผู้ขอย้ายมีระยะเวลาปฏิบัติงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบในการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษาปัจจุบันไม่ครบ 24 เดือน เนื่องจากสถานศึกษาเติมถูกยุบ รวม หรือเลิก อันเนื่องมาจากเหตุของทางราชการ ให้นำระยะเวลาการปฏิบัติงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบในการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษาเดิมที่ถูกยุบ รวม หรือเลิก และสถานศึกษาปัจจุบันมานับรวมกันเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า24 เดือน นับถึงวันสุดท้ายที่กำหนดให้ยื่นคำร้องขอย้าย

1.3 ไม่อยู่ระหว่างลาศึกษาต่อเต็มเวลา

สำหรับการย้ายสับเปลี่ยน นอกจากต้องมีคุณสมบัติตามข้อ 1.1 – 1.3. แล้วในวันที่ยื่นคำร้องขอย้ายต้องมีอายุราชการเหลือไม่น้อยกว่า 24 เดือน นับถึงวันที่ 30 กันยายนของปีที่ครบเกษียณอายุราชการ

2. การกำหนดองค์ประกอบเพื่อใช้ในการพิจารณาย้าย

ในการพิจารณาย้ายกรณีปกติ ให้คำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการที่จะได้รับเป็นสำคัญโดยมีองค์ประกอบเพื่อใช้ในการพิจารณาย้าย ประกอบด้วย

2.1 ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ ในวิชาเอกที่ย้ายไปดำรงตำแหน่ง

2.2 ผลการปฏิบัติงานที่เกิดกับผู้เรียนและสถานศึกษาปัจจุบัน

2.3 ระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่สอนในสถานศึกษาปัจจุบัน

2.4 สภาพความยากลำบากในการปฏิบัติงานในสถานศึกษาปัจจุบัน

2.5 การพัฒนาตนเองและพัฒนาวิชาชีพ

2.6 การรักษาวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ

2.7 ความอาวุโสตามหลักราชการ

3. การยื่นคำร้องขอย้ายและรอบการพิจารณาย้าย

ให้มีการยื่นคำร้องขอย้ายปีละ 2 ครั้ง และพิจารณาย้ายได้ 2 รอบ ดังนี้

3.1 การยื่นคำร้องขอย้ายครั้งที่ 1 ให้ยื่นในเดือนมกราคมของทุกปี เป็นเวลา 15 วันทำการตามปฏิทินการย้ายที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือส่วนราชการอื่น แล้วแต่กรณี กำหนดทั้งนี้ คำร้องขอย้ายให้นำมาใช้พิจารณาย้ายรอบที่ 1 ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 30 เมษายน ของปีเดียวกันโดยในรอบการย้ายอาจพิจารณาย้ายมากกว่าหนึ่งครั้งก็ได้

3.2 การยื่นคำร้องขอย้ายครั้งที่ 2 ให้ยื่นในเดือนกรกฎาคมของทุกปี เป็นเวลา 15 วันทำการตามปฏิทินการย้ายที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือส่วนราชการอื่น แล้วแต่กรณี กำหนดทั้งนี้ คำร้องขอย้ายให้นำมาใช้พิจารณาย้ายรอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 1 กันยายน – 31 ตุลาคม ของปีเดียวกันโดยในรอบการย้ายอาจพิจารณาย้ายมากกว่าหนึ่งครั้งก็ได้

หากคำร้องขอย้ายตามข้อ 3.1 หรือข้อ 3.2 แล้วแต่กรณี ไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติหรือพ้นกำหนดการพิจารณาย้ายตามระยะเวลาในรอบที่กำหนด ให้ถือว่าคำร้องขอย้ายนั้นเป็นอันยกเลิกและหากข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ผู้ใดประสงค์จะขอย้ายให้ยื่นคำร้องขอย้ายใหม่

4. การดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือส่วนราชการอื่น แล้วแต่กรณี

4.1 กำหนดปฏิทินการย้าย

4.2 กำหนดรายละเอียดตัวชี้วัดและคะแนนการประเมินตามองค์ประกอบข้อ 2 ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือส่วนราชการอื่น แล้วแต่กรณี อาจพิจารณากำหนดองค์ประกอบเพื่อใช้ในการพิจารณาย้ายเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสม

เมื่อดำเนินการตามข้อ 4.1 และ ข้อ 4.2 แล้วให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือส่วนราชการอื่น แล้วแต่กรณี แจ้งให้สำนักงาน ก.ค.ศ. ทราบ และแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบก่อนการยื่นดำร้องขอย้ายด้วย

5. การดำเนินการของผู้ขอย้าย

5.1. เมื่อผู้ใดประสงค์ขอย้ายและมีคุณสมบัติตามข้อ 1 ให้ยื่นคำร้องขอย้ายตามแบบที่ ก.ค.ศ.กำหนด พร้อมความเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับ โดยให้ยื่นคำร้องขอย้ายตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในปฏิทินการย้าย ทั้งนี้ ผู้ขอย้ายสามารถระบุสถานศึกษาที่ประสงค์จะย้ายไปดำรงตำแหน่งได้ทั้งสถานศึกษาที่มีตำแหน่งว่างและสถานศึกษาที่คาดว่าจะว่าง

5.2 กรณีผู้ขอย้ายสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

5.2.1 ให้ระบุสถานศึกษาที่ประสงค์จะขอย้ายไปดำรงตำแหน่ง ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สังกัดใดสังกัดหนึ่งได้เพียงสังกัดเดียว

5.2.2 กรณีขอย้ายไปสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สามารถระบุสถานศึกษาที่ประสงค์จะขอย้ายไปดำรงตำแหน่งได้เพียงจังหวัดเดียว

6. การขอความเห็นจากคณะกรรมการสถานศึกษาที่ผู้ขอย้าย ขอย้ายไปดำรงตำแหน่ง

6.1 คำร้องขอย้ายภายในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเดียวกัน หรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ หรือส่วนราชการอื่น แล้วแต่กรณี ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ หรือส่วนราชการอื่น แล้วแต่กรณี นำคำร้องขอย้ายทุกรายที่ระบุชื่อสถานศึกษา ขอความเห็นจากคณะกรรมการสถานศึกษาที่ผู้ขอย้ายระบุไว้ โดยให้ดำเนินการตามระยะเวลาอันสมควรและนำความเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษามาประกอบการพิจารณาของ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง แล้วแต่กรณี

6.2 คำร้องขอย้ายระหว่างเขตพื้นที่การศึกษาภายในจังหวัดเดียวกัน ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นทาง ส่งคำร้องขอย้ายพร้อมความเห็นคณะกรรมการสถนศึกษาของผู้ขอย้ายถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปลายทาง และให้สำนักงานเขตพื้ที่การศึกษาปลายทาง ขอความเห็นจากคณะกรรมการสถานศึกษาที่ผู้นั้นขอย้ายไปดำรงตำแหน่ง โดยให้ดำเนินการตามระยะเวลาอันสมควรและนำความเห็นของคณะกรรมการสถนศึกษามาประกอบการพิจารณาของ กศจ.

6.3 คำร้องขอย้ายระหว่างจังหวัด หรือคำร้องขอย้ายระหว่างสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากับสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นทาง หรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษแล้วแต่กรณี นำคำร้องขอย้ายพร้อมความเห็นจากคณะกรรมการสถานศึกษาของผู้ขอย้าย เสนอ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ.สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ แล้วแต่กรณี พิจารณาอนุมัติให้ส่งคำร้องขอย้ายก่อนส่งคำร้องขอย้ายไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปลายทาง หรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ แล้วแต่กรณี โดยให้ส่งถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปลายทาง หรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ แล้วแต่กรณี ตามระยะเวลาในปฏิทินการย้ายที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด และให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปลายทางหรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ แล้วแต่กรณี ขอความเห็นจากคณะกรรมการสถานศึกษาที่ผู้นั้นขอย้ายไปดำรงตำแหน่ง แล้วเสนอ กศจ. ที่รับย้าย หรือ อ.ก.ค.ศ. สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ แล้วแต่กรณี พิจารณาต่อไปกรณีมิได้ระบุชื่อสถานศึกษาที่ขอย้ายไปดำรงตำแหน่ง โดยระบุไว้กว้าง ๆ ว่า”สถานศึกษาใดก็ได้” ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ หรือส่วนราชการอื่นแล้วแต่กรณี นำเสนอ อกศจ, หรือคณะกรรมการกลั่นกรองการย้าย แล้วแต่กรณี พิจารณาให้ความเห็นว่าจะพิจารณาให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งในสถานศึกษาใด แล้วจึงขอความเห็นจากคณะกรรมการสถานศึกษานั้นและให้ดำเนินการตามระยะเวลาที่กำหนดตามข้อ 6.1 – ข้อ 6.3

7. การกลั่นกรองการย้าย

การพิจารณาย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหยุ่งครู ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ให้ อกสจ. พิจารณากลั่นกรองการย้าย สำหรับสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษและส่วนราชการอื่น ให้ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง ตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการย้ายตมความ

8. การพิจารณาย้าย

8.1 ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขตในจังหวัดร่วมกันจัดทำข้อมูลเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาการย้าย แล้วเสนอคณะทำงาน ประกอบด้วย ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขตในจังหวัด และศึกษาธิการจังหวัด เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูล และจัดลำดับตามองค์ประกอบการประเมินและตัวชี้วัดที่กำหนด โดยให้เลือกผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาคนใดคนหนึ่งเป็นประธาน และเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด นำเสนอ อกศจ. ตรวจสอบการให้คะแนนตัวชี้วัดและการประเมินให้เป็นไปตามองค์ประกอบและตัวชี้วัดที่กำหนด และพิจารณากลั่นกรองการย้าย ทั้งนี้ หาก อกศจ.พิจารณาแล้วมีความเห็นต่างจากคณะทำงนให้เสนอความเห็นพร้อมทั้งระบุเหตุผลให้ชัดเจนต่อ กศจ.เพื่อพิจารณาต่อไป

สำหรับสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษและส่วนราชการอื่น ให้คณะกรรมการกลั่นกรองการย้าย ประเมินให้เป็นไปตามองค์ประกอบและตัวชี้วัดที่กำหนด และพิจารณากลั่นกรองการย้ายพร้อมให้ความเห็นต่อ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง เพื่อพิจารณาต่อไป

8.2 ให้ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง แล้วแต่กรณี ดำเนินการดังนี้

8.2.1 พิจารณาย้าย โดยให้นำความเห็นของ อกศจ. หรือ คณะกรรมการกลั่นกรองการย้ายแล้วแต่กรณี รวมทั้งความเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษา มาประกอบการพิจารณาย้าย ทั้งนี้ผู้ขอย้ายไม่จำเป็นต้องได้ รับการพิจารณาให้ย้ายเสมอไปสำหรับความเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาให้ใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเท่านั้น หากมีความเห็นต่างจากความเห็นของ อกศจ. หรือคณะกรรมการกลั่นกรองการย้าย แล้วแต่กรณี ให้ระบุเหตุผลให้ซัดเจน

8.2.2 ให้พิจารณาย้ายกรณีปกติ ภายในรอบการย้ายที่กำหนด สำหรับการพิจารณาย้ายของ กศจ. ในแต่ละรอบ ให้พิจารณาย้ายพร้อมกันทุกเขตพื้นที่การศึกษาในภาพรวมของจังหวัด

8.2.3 ให้พิจารณาคำร้องขอย้ายที่ระบุชื่อสถานศึกษาให้แล้วเสร็จก่อน แล้วจึงพิจารณาคำร้องขอย้ายที่ระบสถานศึกษาใด ๆ ก็ได้

กรณีที่ 2 การย้ายกรณีพิเศษ

กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการย้าย ไว้ดังนี้

1. ผู้ขอย้ายต้องมีเหตุเจ็บป่วยร้ายแรง หรือถูกคุกคามต่อชีวิต หรือเพื่อดูแลบิดา มารดาคู่สมรส บุตร ซึ่งเจ็บป่วยร้ายแรงหรือทุพพลภาพ หรือเพื่อติดตามคู่สมรส กรณีใดกรณีหนึ่ง ให้นำสาระสำคัญดังต่อไปนี้ใช้เป็นหลักในการประกอบการพิจารณา

1.1. กรณีผู้ขอย้ายเจ็บป่วยร้ายแรง ต้องเป็นผู้เจ็บป่วยร้ายแรงซึ่งต้องรักษาตัวต่อเนื่องเป็นเวลานานและแพทย์แผนปัจจุบันในท้องถิ่นไม่สามารถรักษาได้ หรือเป็นผู้ที่เจ็บป่วยร้ายแรงที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีหลักฐานทางการแพทย์แผนปัจจุบันรับรอง

1.2 กรณีผู้ขอย้ายถูกคุกคามต่อชีวิต ต้องเป็นผู้ประสบปัญหาถูกคุกคามปองร้ายต่อชีวิตโดยมีหลักฐานทางราชการยืนยัน และผู้บังคับบัญชาชั้นต้นได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนให้คำร้องก่อนให้คำรับรองแล้ว

1.3 กรณีย้ายเพื่อดูแลบิดา มารดา คู่สมรส บุตร ซึ่งเจ็บป่วยร้ายเรงหรือทุพพลภาพที่ต้องรักษาต่อเนื่องเป็นเวลานานหรือไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องมีหลักฐานทางการแพทย์แผนปัจจุบันรับรองโดยผู้ขอย้ายต้องเป็นบุตรคนเดียวหรือเหลืออยู่เพียงคนเดียวของบิดา มารดา ซึ่งเจ็บป่วยร้ายแรงหรือทุพพลภาพหรือเป็นบุตรที่ทายาททุกคนให้การรับรองว่ามีหน้าที่หลักต้องรับผิดชอบดูแลบิดาหรือมารดาซึ่งเจ็บป่วยร้ายแรงหรือทุพพลภาพ หรือเป็นคู่สมรสตามกฎหมายของผู้เจ็บป่วยร้ายแรงหรือทุพพลภาพ หรือเป็นบิดาหรือมารดาตามกฎหมายของบุตรที่เจ็บป่วยร้ายแรงหรือทุพพลภาพ

ทั้งนี้ กรณีเป็นบุตรที่ทายาททุกคนให้การรับรองว่ามีหน้าที่หลักต้องรับผิดชอบดูแลบิดาหรือมารดาซึ่งเจ็บป่วยร้ายแรงหรือทุพพลภาพ ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ หรือส่วนราชการอื่น แล้วแต่กรณี ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

1.4 กรณีการย้ายเพื่อติดตามคู่สมรส คู่สมรสต้องเป็นข้าราชการ หรือลูกจ้างประจำส่วนราชการหรือพนักงานของรัฐที่เรียกชื่ออย่างอื่น หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจดทะเบียนสมรสก่อนวันที่คู่สมรสได้รับการแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งใหม่ และต้องย้ายไปอาศัยอยู่ในจังหวัดเดียวกัน

ทั้งนี้ ผู้ขอย้ายตามข้อ 1.3 หรือข้อ 1.4 แล้วแต่กรณี ต้องไม่ติดเงื่อนไขการบรรจุและแต่งตั้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันหรือคัดเลือก หรือเงื่อนไขการแต่งตั้งให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด หรือเงื่อนไขอื่นใดที่ ก.ค.ศ หรือหน่วยงานอื่นกำหนดกรณีผู้ขอย้ายตามข้อ 1.1 หรือข้อ 1.2 แล้วแต่กรณี ติดเงื่อนไขกับหน่วยงานอื่นต้องไต้รับความยินยอมจากหน่วยงานนั้นก่อนยื่นคำร้องขอย้าย

2. การดำเนินการของผู้ขอย้าย

2.1 เมื่อผู้ขอย้ายมีเหตุในกรณีใดกรณีหนึ่งตามข้อ 1 ให้ยื่นคำร้องขอย้ายตามแบบที่ ก.ค.ศ. กำหนด พร้อมความเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับ ทั้งนี้ ผู้ขอย้ายต้องระบุอำเภอในจังหวัดที่ประสงค์จะย้ายไปดำรงตำแหน่งซึ่งจังหวัดนั้นมีสถานศึกษาที่มีตำแหน่งว่างหรือสถานศึกษาที่คาดว่าจะว่าง

2.2 กรณีผู้ขอย้ายสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาชั้นพื้นฐาน

  2.2.1 ให้ขอย้ายไปสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สังกัดใดสังกัดหนึ่งได้เพียงสังกัดเดียว

  2.2.2 กรณีขอย้ายไปสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ให้ระบุจังหวัดที่ประสงค์จะขอย้ายไปดำรงตำแหน่งได้เพียงจังหวัดเดียว

3. การยื่นคำร้องขอย้าย

ผู้ขอย้ายกรณีพิเศษให้ยื่นคำร้องขอย้ายได้ตลอด และเมื่อคำร้องขอย้ายได้รับการพิจารณาแล้วผลการพิจารณาเป็นประการใดให้ถือเป็นอันยุติ

4. การกลั่นกรองการย้าย

การพิจารณาย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ในสำนักงเขตพื้นที่การศึกษา ให้ อกศจ. พิจารณากลั่นกรองการย้าย สำหรับสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษแลพส่วนราชการอื่น ให้ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง ตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการย้ายตามความเหมาะสม

5. การขอความเห็นจากคณะกรรมการสถานศึกษาที่ผู้ขอย้าย ขอย้ายไปดำรงตำแหน่ง

5.1.คำร้องขอย้ายภายในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเดียวกัน หรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ หรือส่วนราซการอื่น แล้วแต่กรณี ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ หรือส่วนราชการอื่น แล้วแต่กรณี ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว แล้วจึงพิจารณาสถานศึกษาที่จะให้ผู้ขอย้าย ย้ายไปดำรงตำแหน่ง และเมื่อพิจารณาสถานศึกษาใดแล้วให้ขอความเห็นจากคณะกรรมการสถานศึกษา โดยให้ดำเนินการตามระยะเวลาอันสมควรและนำความเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษามาประกอบการพิจารณาของ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง แล้วแต่กรณี

5.2 คำร้องขอย้ายระหว่างเขตพื้ นที่การศึกษาภายในจังหวัดเดียวกัน ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นทาง ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว ก่อนส่งคำร้องขอย้ายพร้อมความเห็นจากคณะกรรมการสถานศึกษาของผู้ขอย้าย ถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปลายทาง และให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปลายทาง ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงพิจารณาสถานศึกษาที่จะให้ผู้นั้นย้ายไปดำรงตำแหน่ง และเมื่อพิจารณาสถานศึกษาใดแล้วให้ขอความเห็นจากคณะกรรมการสถานศึกษา โดยให้ดำเนินการตามระยะเวลาอันสมควรและนำความเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษามาประกอบการพิจารณาของ กศจ.

5.3 คำร้องขอย้ายระหว่างจังหวัด หรือคำร้องขอย้ายระหว่างสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากับสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นทาง หรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษแล้วแต่กรณี ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว ก่อนนำคำร้องขอย้ายพร้อมความเห็นจากคณะกรรมการสถานศึกษาของผู้ขอย้าย เสนอ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ. สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ แล้วแต่กรณี พิจารณาอนุมัติให้ส่งคำร้องขอย้ายก่อนส่งคำร้องขอย้ายไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปลายทาง หรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ แล้วแต่กรณี และเมื่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปลายทาง หรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษแล้วแต่กรณี ได้รับคำร้องขอย้ายพร้อมความเห็นจากคณะกรรมการสถานศึกษาของผู้ขอย้ายแล้วให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงพิจารณาสถานศึกษาที่จะให้ผู้นั้นย้ายไปดำรงตำแหน่งและเมื่อพิจารณาสถานศึกษาใดแล้วให้ขอความเห็นจากคณะกรรมการสถานศึกษาโดยให้ดำเนินการตามระยะเวลาอันสมควรและนำความเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษามาประกอบการพิจารณาของ กศจ. ที่รับย้าย หรือ อ.ก.ค.ศ. สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ แล้วแต่กรณี พิจารณาต่อไป

6. การพิจารณาย้าย

6.1 ให้ อกศจ. หรือ คณะกรรมการกลั่นกรองการย้าย แล้วแต่กรณี พิจารณากลั่นกรองการย้ายตามข้อเท็จจริง พร้อมเหตุผล ก่อนเสนอ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง แล้วแต่กรณี พิจารณา

6.2 ให้ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง แล้วแต่กรณี พิจารณาย้าย โดยให้นำความเห็นของ อกศจ. หรือคณะกรรมการกลั่นกรองการย้าย แล้วแต่กรณี รวมทั้งความเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษามาประกอบการพิจารณาย้าย ทั้งนี้ ผู้ขอย้ายไม่จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาให้ย้ายเสมอไป สำหรับความเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาให้ใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเท่านั้น หากมีคามเห็มีต่างจากความเห็นของ อกศจ. หรือคณะกรรมการกสั่นกรองการย้าย แล้วแต่กรณี ให้ระบุเหตุผลให้ชัดเจน

ทั้งนี้ เมื่อสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษา หรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ หรือส่วนราชการอื่น ที่รับย้าย แล้วแต่กรณี ได้รับคำร้องขอย้ายและเอกสารหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์แล้วให้ดำเนินการโดยเร็วและเสร็จสิ้นภายใน 45 วัน

กรณีที่ 3 การย้ายกรณีเพื่อประโยชน์ของทางราชการ

กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการย้าย ไว้ดังนี้

1. การย้ายเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา

กรณีที่สถานศึกษาใดมีความจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเป็นพิเศษ ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษหรือส่วนราชการอื่น แล้วแต่กรณี พิจารณาย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ หรือวิชาเอก ตรงตามความจำเป็นไปดำรงตำแหน่งในสถานศึกษาดังกล่าวได้ โดยนำเสนอ อกศจ. หรือ คณะกรรมการกลั่นกรองการย้าย แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณากลั่นกรองและเสนอเหตุผลและความจำเป็นต่อ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณา

2. การย้ายเพื่อแก้ปัญหาในการบริหารจัดการสถนศึกษา

ให้คำนึงความเหมาะสมประโยชน์ของทางราชการ และความเป็นธรรมแก่ผู้นั้นด้วย โดยต้องปรากฎข้อเท็จจริงว่า หากให้ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษานั้นต่อไป จะเป็นปัญหาอุปสรรค และให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง ก่อนดำเนินการนำเสนอ อกศจ. หรือ คณะกรรมการกลั่นกรองการย้าย แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณากลั่นกรองและเสนอต่อ กศจ.หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณา

3. การย้ายเพื่อเกลี่ยอัตรากำลังของสถานศึกษา

กรณีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ หรือส่วนราชการอื่น แล้วแต่กรณี พิจารณาเนว่าสถานศึกษาใดมีอัตรากำลังเกินเกณฑ์อัตรากำลังที่ ก.ค.ศ. กำหนด และเป็นตำแหน่งที่มีคนครอง ให้เสนอ อกศจ. หรือ คณะกรรมการกลั่นกรองการย้าย แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณากลั่นกรอง และเสนอ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง แล้วแต่กรณีพิจารณาย้ายโดยการตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือนให้เป็นปตามเกณฑ์อัตรากำลัง ที่ ก.ค.ศ. กำหนดโดยให้นำนโยบายและเงื่อนไขของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือส่วนราชการอื่นแล้วแต่กรณี มาประกอบการพิจารณาด้วย ทั้งนี้ นโยบายและเงื่อนไขดังกล่าวต้องไม่ขัดหรือแย้งกับนโยบายและหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด

ทั้งนี้ การย้ายเพื่อประโยชน์ของทางราชการ ให้อยู่ในดุลยพินิจของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ หรือส่วนราชการอื่น แล้วแต่กรณี ที่จะพิจารณานำเสนอ อกศจ. หรือคณะกรรมการกลั่นกรองการย้าย แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณากลั่นกรองก่อนเสนอ กศจ. หรือ อ.ภ.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้งแล้วแต่กรณี พิจารณา โดยอาจพิจารณาจากคำร้องขอย้ายหรือไม่ก็ได้

เกณฑ์ย้ายใหม่ 65เกณฑ์ย้ายใหม่ 65

ง. การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ที่มีวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญพิเศษ

การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ที่มีวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญพิเศษของทุกส่วนราชการ ให้ส่วนราชการต้นสังกัดส่งคำร้องขอย้าย ความเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาของผู้ขอย้ายและผู้รับย้าย แล้วแต่กรณี มติ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง ของผู้ขอย้ายและผู้รับย้ายแล้วแต่กรณีพร้อมเอกสารหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เสนอ ก.ค.ศ. พิจารณา

จ. การออกคำสั่งบรรจุและแต่งตั้ง

เมื่อ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง หรือ ก.ค.ศ. แล้วแต่กรณี พิจารณาอนุมัติการย้ายแล้วให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 สั่งบรรจุและแต่งตั้ง และให้ส่งสำเนาคำสั่งให้สำนักงาน ก.ค.ศ. จำนวน 1 ชุดภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ออกคำสั่ง ทั้งนี้ ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ที่ได้รับ

การพิจารณาให้ย้ายรายงานตัวเข้าปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษาแห่งใหม่ ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่รับทราบคำสั่ง’

การดำเนินการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ทุกกรณี ให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยยึดถือระบบคุณธรรม ความเสมอภาค ระหว่างบุคคลและหลักการให้ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน

กรณีที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการนี้ได้ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามตามหลักเกณฑ์และวิธีการนี้ ให้เสนอ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง แล้วแต่กรณี พิจารณาก่อนเสนอให้ ก.ค.ศ. พิจารณาต่อไป

บมความล่าสุด

ทิ้งคำตอบไว้

Please rate*
กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -
Google search engine

ยอดนิยม